CLEO ผนึกกำลัง Q Project Thailand เปิดตัว “CLEO Specialty Coffee” ครั้งแรกในไทยกับ การยกระดับเกษตรกรไทยและกาแฟไทยสุดพิเศษสู่ “กาแฟในถุงชา” ที่ดื่มสนุก เข้าถึงง่าย

3 ธันวาคม 2568 — CLEO จับมือ Q Project Thailand เปิดตัว “CLEO Specialty Coffee” พร้อมจัดกิจกรรม Coffee Taste and Flavor Workshop ณ CLEO Cafe เพื่อส่งต่อเรื่องราวเสน่ห์ของกาแฟพิเศษไทย และผลักดันให้กาแฟไทยเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ผ่านประสบการณ์การชิม-พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับบาริสต้าหนุ่มสุดเท่ คุณเนย และคุณโจ้ ตลอดจนเปิดตัวผู้อยู่เบื้องหลังความร่วมมือครั้งสำคัญ ได้แก่ คุณแอน รัชดา เจียสกุล ผู้ก่อตั้ง Q Project Thailand และคุณเอ๋ สุพิชา สอนดำริห์ ผู้บริหารจาก CLEO

คุณแอน รัชดา เจียสกุล ผู้ก่อตั้ง Q Project Thailand เผยถึงจุดเริ่มต้นของ CLEO Specialty Coffee ว่า มีความหลงใหลในกาแฟจากทั่วโลก และมุ่งพัฒนากาแฟให้เป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูงของไทยที่สามารถเติบโตสู่ตลาดสากล โดยมองว่า “หัวใจของคุณภาพกาแฟที่ดี” คือการลงทุนพัฒนาที่ต้นทาง คือ เกษตรกรไทย ให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการแปรรูป การเพิ่มมูลค่า และการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและพัฒนาวงการกาแฟไทยโดยรวมในระยะยาว
“Q Project Thailand ของเรามีจุดมุ่งหมายในการยกระดับกาแฟพิเศษไทยให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ โดยยังคงเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ปลูกไว้ครบ พอได้มาเจอคุณเอ๋จาก CLEO เรารู้สึก ‘คลิก’ กันทันที เพราะ CLEO เป็นแบรนด์ที่มีพลัง สนุก และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ดี เราเลยอยากร่วมกันสร้างกาแฟพิเศษที่ อร่อย ดื่มง่าย สนุก และไม่ซับซ้อนเกินไป เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่ากาแฟพิเศษไทยก็เท่ไม่แพ้ชาติไหน นี่จึงเป็นที่มาของ CLEO Specialty Coffee”

ด้าน คุณเอ๋ สุพิชา สอนดำริห์ ผู้บริหาร CLEO กล่าวถึงแรงบันดาลใจว่า CLEO Specialty Coffee, When You Need A Friend. คือกาแฟไทยสุดยิ้ม สุดสเปเชียลในถุงชา ที่มาพร้อมกับความเป็นเพื่อน อยากขอเป็นเพื่อนเกษตรกรไทย นำพากาแฟไทยไปเป็นเพื่อนกับชาวโลก อยากเป็นเพื่อนที่มอบรสชาติของกาแฟไทยให้รู้สึก..อินเลิฟ เอนจอย ตื่นตัว อ่อนโยน เหมือนความรู้สึกได้อยู่กับเพื่อนสักคนในทุกวัน
“CLEO เราเป็นสื่อ แต่วันนี้กำลังก้าวสู่การเป็นแบรนด์โดยยังคงคาแรกเตอร์เฉพาะตัว พอได้มาเจอ Q Project Thailand ก็ยิ่งเปิดโลก เห็นเลยว่ากาแฟพิเศษไทยซับซ้อน ลึกซึ้ง และมีเสน่ห์มาก เราจึงอยากต่อยอดให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผ่านกาแฟที่สนุกและเป็นตัวของตัวเองแบบ CLEO”
CLEO Specialty Coffee: กาแฟพิเศษไทยในรูปแบบ ‘Coffee Immersion’ สำหรับทุกคน

ผลิตภัณฑ์ CLEO Specialty Coffee ได้คัดสรรกาแฟพิเศษจาก 4 แหล่งปลูกคุณภาพทั่วไทย และนำมาพัฒนาเป็น กาแฟถุงชง Coffee Immersion เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วไป แม้คนที่ไม่ใช่สายอุปกรณ์กาแฟ
รสชาติกาแฟ Cleo Specialty Coffee
💜 𝐋𝐎𝐕𝐄 – สีม่วง อารมณ์อินเลิฟชัดเจน
หอมฟรุ้งแบบนุ่มนวล ดอกไม้สีขาวนำหน้า ตามด้วยเลมอน ช็อกโกแลต ฝรั่ง ผลไม้ และฮาเซลนัท ปิดท้ายด้วยน้ำผึ้งกับเมลอน อารมณ์ประมาณจิบแล้วใจฟูแบบไม่ต้องพึ่งใคร
💛 𝐉𝐎𝐘 – สีเหลือง สดใสจี้ดใจสุด
หวานแบบชวนยิ้ม มีสตรอว์เบอร์รี่ สับปะรด รัม บลูเบอร์รี่ ไวน์ มะม่วง ช็อคโกแลต และลาเวนเดอร์ รวมกันเป็นความสดชื่น
🩷 𝐆𝐄𝐍𝐓𝐋𝐄 – สีชมพู อ่อนโยนแต่มีเสน่ห์
กลิ่นหวานละมุนของฝรั่งชมพู แอปเปิ้ลแดง กับกลิ่นสมุนไพรเบา ๆ ผสมไวน์ เลมอน ถั่ว และชาดำ จิบแล้วฟีลนุ่ม ๆ คล้ายวันดี ๆ ที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นแบบไม่รีบ
💚 𝐀𝐖𝐀𝐊𝐄 – สีเขียว สดชื่นแบบปลุกชีวิต
สตรอว์เบอร์รี่ มะม่วง ฝรั่ง น้ำผึ้ง ชามะนาว และความนัตตี้เล็ก ๆ ที่รวมกันแบบปลุกพลัง จิบแล้วตาเปิดแต่ใจยังฟูเหมือนเดิมสามารถชงดื่มได้สะดวกในทุกวัน เพียงจุ่มถุงกาแฟในน้ำร้อน 3–4 นาที กลิ่นและรสชาติของกาแฟพิเศษก็จะคลี่ตัวอย่างนุ่มนวล พร้อมดื่มทันที สินค้ามีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ แพ็ค 8 ถุงชง และ แพ็ค 16 ถุงชง โดย CLEO Specialty Coffee จะวางจำหน่ายที่ CLEO Cafe, Facebook CLEO, และ Shopee

เรื่องราวของเกษตรกร 4 ท่าน จาก 4 แหล่งปลูก
พี่เคน อัษฎาวุธ ยาแปงกู่: ไร่กาแฟครอบครัวมะปลูกและผลิตกาแฟอาราบิกามานานกว่า 5 ปี โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง 4 ครอบครัวที่รวมพลังกันพัฒนากระบวนการแปรรูป เพื่อยกระดับคุณภาพและความหลากหลายของสายพันธุ์กาแฟท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น
พี่นพ มานพ เพียรชอบไพร: ไร่หอมเหาะ ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกกาแฟอาราบิกาที่ดีที่สุดของจังหวัด กาแฟหอมเหาะมีจุดเริ่มต้นจากศูนย์พัฒนาเผ่าชาวเขา ภายใต้การสนับสนุนจากโครงการพัฒนาไทย-เยอรมัน แหล่งปลูกกาแฟแห่งนี้มีส่วนสำคัญในการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและผืนป่า อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทางเศรษฐกิจของชุมชนชาวเขาอีกด้วย

พี่ต้า วิชช์ จันทร์ประเสริฐ: กาแฟรักษ์ป่าอมก๋อย (Save Omkoi Forest & Traditional Coffee: SOFT) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล การปลูกกาแฟในพื้นที่นี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินและผืนป่า โดยวัตถุประสงค์หลักของ SOFT คือการปลูกกาแฟเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ กาแฟจากที่นี่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในด้านความหวานและรสชาติที่ยาวนานติดปลายลิ้น
พี่เขต ธนกฤต รุ่งโภคินันท์: “กาแฟน่าน” (Nan Coff) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของจังหวัดน่าน เป็นแหล่งปลูกกาแฟทั้งพันธุ์อาราบิกาและโรบัสตา โดยมีศักยภาพทั้งด้านการเพาะปลูกและการแปรรูป ทั้งกาแฟเชิงพาณิชย์และกาแฟพิเศษ ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจกาแฟกว่า 30 ปี ฟาร์มแห่งนี้มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพกาแฟท้องถิ่นให้ได้มาตรฐานสากล


เกี่ยวกับ Q Project Thailand
“จากฟาร์มไทย สู่เสน่ห์ไกลทั่วโลก” FROM THAI FARMS TO GLOBAL CHARMS
Q Project Thailand คือโครงการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจด้านกาแฟของไทย ภารกิจของเราคือการขับเคลื่อนกิจกรรม “เพิ่มมูลค่าภาคการเกษตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย และสร้างเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ที่ยั่งยืนให้กับประเทศ” ผ่าน 4 เป้าหมายสำคัญ ได้แก่
• พัฒนาเกษตรกรไทย: เสริมสร้างทักษะและองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่
• สร้างผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่: บ่มเพาะบุคลากรคุณภาพเพื่อพัฒนาระบบนิเวศกาแฟพิเศษไทย
• เชื่อมโยงสู่ตลาด: สร้างช่องทางตลาดที่แข็งแรงเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
• ขับเคลื่อนนโยบาย: ส่งเสริมนวัตกรรมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อการเติบโตผ่าน “Policy Lab” ของเรา

