Monday, April 21, 2025
Latest:
ธุรกิจ-ตลาด

“กลุ่มพูลผล” เดินหน้าองค์กรสู่เป้าหมาย ด้วย 4 ธุรกิจหลักมุ่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการ เติบโตเคียงข้างสังคมไทย

“กลุ่มพูลผล” เดินหน้าองค์กรสู่เป้าหมาย พร้อมขยายฐานกลุ่มลูกค้าด้วย 4 ธุรกิจหลัก ชู “ธุรกิจการเกษตรและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” เป็นเรือธง ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ ชูกลยุทธ์หลัก มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการ ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจเคียงข้างสังคมไทย

นายดนัยธนิต พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มพูลผล เปิดเผยว่า จากความมุ่งมั่นของ “กลุ่มพูลผล” ดำเนินธุรกิจเคียงคู่สังคมไทย โดยร่วมพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยตลอดระยะเวลากว่า 83 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจที่ขยายตัวรองรับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและคู่ค้า ในปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่กลุ่มพูลผล ประสบความสำเร็จไปอีกขั้นด้วยรายได้กว่า 60,000 ล้านบาท จาก 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด พร้อมต่อเนื่องความสำเร็จในปีนี้ โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรไทย มุ่งพัฒนาสินค้าบริการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่กลุ่มผู้บริโภค และการบริหารงานด้วยความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจถือเป็นสำคัญ

โดยแผนกลยุทธ์หลักในปีนี้ “กลุ่มพูลผล” ชูแผน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก จากวิสัยทัศน์ผู้บริหาร ที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการ เพื่อความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนให้ครอบคลุมทุกมิติสังคม ผู้บริโภคและเศรษฐกิจไทย ด้วยจุดแข็งใน “ธุรกิจการเกษตร” ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจเรือธง ซึ่งมีกระบวนการต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรและอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืน ด้วยการตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรไทย และตามด้วย “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” กลยุทธ์ที่ผนึกความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มพูลผลด้วยการเน้นเป้าหมาย มอบความครบครันตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยอาณาจักรกลุ่มพูลผล แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้

1.ธุรกิจการเกษตร ผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรไทย มีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วย “น้ำมันพืชกุ๊ก” โดย บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ซึ่งยกระดับเป็นอาหารสุขภาพระดับเวิลด์คลาส ได้แก่ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน และน้ำมันคาโนลา กับการก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจโรงสกัดน้ำมันพืชในระดับอาเซียน ที่ขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโตของตลาดเอเชีย การันตีด้วยรางวัล Superbrands 8 ปีซ้อน พร้อมขยายตลาดส่งออกไปมากกว่า 15 ประเทศในเอเชีย รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นอกจากน้ำมันพืช ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ “กากถั่วเหลือง” แหล่งโปรตีนที่สำคัญของอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานระดับสากล ภายใต้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยของเสีย ด้วยเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions)

    “วุ้นเส้นต้นสน” โดย บริษัท สิทธินันท์ จำกัด ได้ครองใจคนรักสุขภาพ ตอกย้ำความเป็นแบรนด์พรีเมียม โดยคว้ารางวัล Superbrand 7 ปีซ้อน ความโดดเด่นคือ เป็นวุ้นเส้นที่ผลิตจากแป้งถั่วเขียว 100% เส้นเหนียวนุ่ม อร่อย และแบบไม่ฟอกสีที่มีสีเขียวธรรมชาติจากเปลือกถั่วเขียว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด พร้อมคุณสมบัติดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพและผู้บริโภคยุคใหม่ นอกจากความแข็งแกร่งในประเทศ ยังได้ขยายการส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งสอดรับกับเทรนด์สุขภาพระดับโลกที่มาพร้อมความอร่อย นอกจากนี้ ยังต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มซอสและเครื่องปรุง “น้ำจิ้มสุกี้” และ “ซอสผัดไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งใน Soft Power สำคัญที่ช่วยผลักดันอาหารไทยให้เติบโตในเวทีโลก ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
    เอสเอ็มเอส กรุ๊ป ผู้นำด้านนวัตกรรมแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Tapioca Starch) มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเพื่อต่อยอดผลิตผลการเกษตรของไทยสู่ตลาดโลกด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ โดยมีการส่งออกแป้งมันสำปะหลังดัดแปรคุณภาพสูงกว่า 70 ประเทศทั่วโลก จุดเด่นของแป้งมันสำปะหลังดัดแปรคือ สามารถตอบสนองความต้องการได้หลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร เพื่อปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความคงตัวของผลิตภัณฑ์อาหาร, อุตสาหกรรมยา ช่วยในการยึดเกาะตัวยา ปรับปรุงการไหลของผงยา และเพิ่มความคงตัวของยาในยาเม็ดและแคปซูล, อุตสาหกรรมพลาสติกย่อยสลายได้ เพื่อต่อยอดในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร ถุงพลาสติก และผลิตภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วทิ้งต่างๆ ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดัดแปรคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก

    2.ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ภายใต้บริษัท ซี.อี.เอส. จำกัด เป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนานด้วยประสบการณ์มากกว่า 60 ปี ด้วยบริการรับเหมาก่อสร้างงานอาคารทุกประเภท ร่วมสร้างและพัฒนาโครงการและแลนด์มาร์คสำคัญของไทย ประเภทอาคารสำนักงานชั้นนำ โรงแรมระดับอัลตร้าลักชัวรี่ โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าชั้นนำ ศูนย์ประชุมงานนิทรรศการ ไปจนถึงโกดังคลังสินค้าที่รองรับระบบ ASRS หรือ การจัดเก็บเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ ทำให้การจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยปีนี้ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ในการรุกตลาด (New Growth Potential) ด้วยการขยายธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรม พร้อมตั้งเป้ารายได้ 4,000 ล้านบาทภายในปี 2570

    3.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพทย์ด้วยระบบมาตรฐานสากล ด้วยโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่บนที่ดินกว่า 600 ไร่ ภายใต้ชื่อ “Future City Rangsit” คุณภาพครบครันสู่ความยั่งยืน เป็นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่ครบครันในย่านรังสิต-ปทุมธานี ประกอบด้วย ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ขึ้นชื่อว่าเป็นมหานครค้าปลีก มีร้านค้ารวมกว่า 1,000 ร้าน บนพื้นที่ 600,000 ตารางเมตร, โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ที่มอบประสบการณ์พักผ่อนและบริการเหนือระดับพรีเมียม ตลอดจนสำนักงานออฟฟิศมาตรฐานสากล โรงพยาบาล ร้านอาหารชั้นนำ ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร และสปอร์ตคอมเพล็กซ์

      นอกจากนี้ ยังได้แผ่ขยายพื้นที่ครอบคลุมไปยังฝั่งโซนตลาดสดวิถีไทย หรือ “ตลาดรังสิต” ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ใจกลางรังสิต ที่มีแผงค้าให้จับจ่ายใช้สอยมากถึง 2,200 แผง พร้อมด้วยที่พักอาศัยมากกว่า 700 ยูนิต ทั้งมี Rangsit Hub ท่ารถตู้โดยสารและการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอย่างครบวงจร ถือว่าเป็นการลงทุนศักยภาพสูงสุดหนึ่งเดียวในโซนกรุงเทพตอนเหนือ ที่ผ่านการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 4 ปี เกิดความก้าวหน้าเกิน 80% ที่พร้อมไปด้วยโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของผู้คน นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการบริหารจัดการอาคารทุกประเภท เป็นตัวแทนจัดหาผู้ซื้อ-ผู้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ซ่อมบำรุง รักษาความสะอาด ด้วยคุณภาพมาตรฐานงานบริการ ISO 9001:2000 และ ISO 9001:2015

      4.ธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ โดยบริษัท พูลพิพัฒน์ จำกัด ให้บริการท่าเรือและคลังสินค้า ในทำเลยุทธศาสตร์ รวม 7 สาขาทั่วประเทศ ที่พร้อมขยายเครือข่ายมอบบริการครบวงจร การลงทุนล่าสุดได้มีการเปิด คลังสินค้าใหม่ แหลมฉบัง 1 – 2 เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC ที่สอดรับกับเม็ดเงินการลงทุนของคู่ค้าธุรกิจสำคัญ อย่างเช่น สิงค์โปร์, จีน, ฮ่องกง, ใต้หวัน และญี่ปุ่น ที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และบริษัท พูลอุดม จำกัด เน้นนำอุปกรณ์เครื่องมือขนถ่ายสินค้าแบบไฟฟ้ามาใช้ในกระบวนการทำงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่แม่นยำและลดการใช้พลังงานฟอสซิลที่ตอบโจทย์กับโลกปัจจุบันใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจนี้มีหมุดหมายสำคัญในการหาพันธมิตรที่มีศักยภาพควบคู่กับจริยธรรม เพื่อก่อให้เกิดช่องทางการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคต


      นายดนัยธนิต กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มพูลผล มีการส่งออกกลุ่มการเกษตร โดยเฉพาะแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ซึ่งครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กลุ่มนี้สามารถนำรายได้เข้าประเทศกว่า 80% โดยมีการขยายฐานการส่งออกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเทียบกับช่วงที่ผ่านมาจากนโยบายของภาครัฐ ที่มีการพัฒนาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการขยายเพิ่มคลังสินค้าเพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว

        ด้วยวิสัยทัศน์ และค่านิยมของ “กลุ่มพูลผล” ยึดมั่นในวัฒนธรรมองค์กร ด้านความซื่อสัตย์สุจริตการทำงานให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นรากฐานของทุกบริษัทในเครือ โดยเป็นหัวใจสำคัญของที่คณะผู้บริหารและประธานของกลุ่มฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงพนักงานภายในองค์กรเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ปฎิบัติต่อกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าธุรกิจ ทั้งการสร้างผลตอบแทน ทิศทางดำเนินงานที่สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อน “กลุ่มพูลผล” เดินหน้าจนได้รับความเชื่อมั่นและเสียงชื่นชมจากลูกค้าและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

        “ความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้วัดจากการเติบโตระยะสั้นเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถปรับตัวยืนหยัดในระยะยาว เพราะเรามองความยั่งยืนสร้างฐานสู่อนาคตเพื่อคนรุ่นต่อไป” นายดนัยธนิต กล่าว

        กลุ่มพูลผล ได้วางทิศทางองค์กรเพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ สอดรับนโยบายภาครัฐ ภาคสังคม ผู้บริโภค และแนวคิดความยั่งยืน (Sustainability) เน้นส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการบริหารองค์กรเพื่อมุ่งสู่ระดับสากล ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้กลุ่มพูลผลเติบโตได้อย่างดีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้วางรากฐานสู่การพัฒนาต่อยอดในอนาคต โดยพร้อมเดินหน้าเติบโตเคียงคู่เศรษฐกิจไทย และเป็นส่วนหนึ่งของกระแสโลกในยุคที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วนี้

        ติดตามข่าวสารได้ที่ www.poonphol.com