ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) ฉลองครบรอบ 40 ปี ชูความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี และการลงทุนในบุคลากรทางการวิจัยและพัฒนาทั่วโลก
ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) ฉลองครบรอบ 40 ปี ชูความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี และการลงทุนในบุคลากรทางการวิจัยและพัฒนาทั่วโลกที่มีมากถึง 10% มองตลาดไทยสำคัญ เชื่อมั่นยังเติบโตได้อีกมากอนาคตมั่นใจสามารถพิชิตยอดขายทั้งอุตสาหกรรมทั้งองคาพยพเติบโต 3 เท่า

บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ FUCHS ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารหล่อลื่นจากประเทศเยอรมนี ฉลองครบรอบ 40 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตอกย้ำความมุ่งมั่น ในการเป็นพันธมิตรสำคัญที่พร้อมสนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีสารหล่อลื่นที่รองรับความต้องการใช้งานครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งด้านยานยนต์ ระบบขนส่ง อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ พลังงาน OEMและโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรสู่อนาคตบนแนวทางที่เน้นความยั่งยืนด้วยงานวิจัยและพัฒนา (R&D) และสร้างคุณค่าร่วมกับทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุตสาหกรรม

นายมานูเอล เซเกอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฟุคส์ เป็นผู้นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารหล่อลื่นระดับโลก ซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ในประเทศเยอรมนี โดยก่อตั้งมาเป็นปีที่ 94 ส่วนในประเทศไทย เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2528 โดยเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ฟุคส์ มีบทบาทสำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนและสนับสนุนธุรกิจและอุตสาหกรรมในทุกกลุ่มประเภท ทุกขนาด ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นสารหล่อลื่นที่ ฟุคส์เชี่ยวชาญที่สุด ด้วยการลงทุนในบุคลากรทางด้านการวิจัยและพัฒนาที่สูงถึง 10 %ของพนักงานฟุคส์ทั่วโลก เพื่อที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี และเหมาะสมที่สุดให้แก่ลูกค้า และพันธมิตร

สำหรับ 40 ปี ในประเทศไทย นายมานูเอล เซเกอร์ มองว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จ คือการสร้างและสะสมความแข็งแกร่งในภูมิภาค รวมถึงการระดมความร่วมมือจากทีมงานโกลบอลเพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆ ทั้งในเชิงของการเพิ่มที่ตั้งของโรงงาน พันธมิตรทางปัจจัยการผลิต การพัฒนากระบวนการผลิตจากเดิมที่เคยใช้เวลานานให้สั้นลง เพื่อที่จะส่งต่อและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ดีฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) ได้ผ่านช่วงที่ยากลำบากของประเทศไทยมาแล้วทั้งวิกฤติเศรษฐกิจในห้วงต่างๆ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือแม้แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็สามารถผ่านวิกฤติต่างๆเหล่านั้นได้ด้วยดีทุกครั้ง เนื่องจากการวางรากฐานทางธุรกิจของ ฟุคส์ ที่มีความแข็งแกร่ง มีการสำรองแผนการผลิต มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงด้านบุคลากร ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจหลักของ ฟุคส์ คือ Lubricants Technology และ People ที่จะผสานกันเป็นความเชี่ยวชาญ ศักยภาพ และพลังขับเคลื่อนที่แท้จริงให้กับลูกค้า พันธมิตร รวมถึงบุคลากรของบริษัท
“สำหรับโซลูชันสารหล่อลื่น ฟุคส์-FUCHS คือ ที่หนึ่งเรื่องของเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่เราวิจัยและพัฒนานั้นเริ่มจากความเข้าใจในปัญหา และความต้องการของลูกค้า เราจึงมั่นใจมากว่าสิ่งนี้ได้นำไปสู่ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด แม้ว่าเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ในความเป็นจริงแล้วมันช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดที่เกิด และอาจจะเกิดขึ้นจากการไม่ใช้เทคโนโลยีที่ดีกว่า เช่น การคงสภาพและคุณภาพของสารหล่อลื่นให้คงเดิมแม้ในสภาวะที่อุณหภูมิแตกต่างกันอย่างมหาศาลระหว่างกลางวันและกลางคืน การออกแบบให้สารหล่อลื่นตรงกับข้อกำหนดเฉพาะทางอาหาร สุขภาพของมนุษย์และสัตว์ เทคโนโลยีที่ช่วยยืดรอบการเปลี่ยนถ่ายที่ทำให้โรงงานไม่ต้องหยุดผลิตลดค่าบำรุงรักษา การพัฒนาเทคโนโลยีน้ำมันเครื่องให้สอดคล้องกับขนาด และประเภทของเครื่องยนต์รถ และมอเตอร์ไซค์ที่เปลี่ยนไป ไปจนถึงการทำ OEM หรือออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรม”

ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) มีศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ครอบคลุมในหลายภาคอุตสาหกรรม ทั้งในกลุ่มยานยนต์และผู้ผลิตรถยนต์ (OEM) อุตสาหกรรมทั่วไป และกลุ่มการใช้งานเฉพาะทาง ตั้งแต่น้ำมันหล่อลื่นฟู้ดเกรดที่ได้รับการรับรอง ไปจนถึงโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่โดยผลิตภัณฑ์และบริการของฟุคส์สามารถรองรับทุกกระบวนการที่ต้องการการหล่อลื่นประสิทธิภาพสูงได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ในเรื่องช่องทางการจำหน่าย เนื่องจากความต้องการของลูกค้าและคุณลักษณะของสินค้านั้นไม่เหมือนกันทำให้ฟุคส์เลือกใช้ช่องทางที่แตกต่างกันออกไป โดยกลุ่มน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จะใช้ Distributor ในการจัดจำหน่ายเพื่อให้สินค้ากระจายครอบคลุมไปทั่วประเทศ และในอนาคตมีแผนที่จะขยายสู่การทำตลาดออนไลน์ สำหรับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ จะเป็น Direct Sales หรือขายตรงสู่ลูกค้า ซึ่งเรามองเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบุคคลากรที่มีความเข้าใจหน้างานและเข้าใจความท้าทายที่ลูกค้าประสบด้วยการพูดคุย วิเคราะห์ปัญหา ให้คำปรึกษา และสังเกตการณ์ร่วมกัน

สำหรับอนาคต ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) ตั้งเป้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกภาคอุตสาหกรรมรวมไปถึงกลุ่มยานยนต์มากยิ่งขึ้น พร้อมยกระดับบริการหลังการขายและความสามารถในการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคอย่างครบวงจร

อย่างไรก็ดีเพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ ได้จัดงาน “40 ปี ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) ขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างมั่นคง” ขึ้น เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ ภายในงานได้มีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรม อาทิ

หัวข้อ “Sustainability in the Lubricants Industry” โดย คุณโรส อาริฟฟิน ผู้จัดการด้านความยั่งยืน APEC บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส ซึ่งได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของฟุคส์ในการลดการปล่อย CO2 ลง 90% ภายในปี 2050 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งแนวทางด้านความยั่งยืนของบริษัทครอบคลุมทุกมิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

เธออธิบายว่า สารหล่อลื่นมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความยั่งยืนให้กับระบบต่างๆ ผ่านการลดแรงเสียดทาน ป้องกันการกัดกร่อน ช่วยในการระบายความร้อน และถ่ายเทพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างโซลูชันที่นำเสนอ ได้แก่ สารหล่อลื่นสำหรับ BEV applications จาระบีพิเศษสำหรับกังหันลม น้ำมันเครื่องความหนืดต่ำที่ช่วยลดการปล่อย CO2 บรรจุภัณฑ์น้ำมันที่สามารถรีไซเคิลได้ และน้ำมันไฮดรอลิกที่สามารถลดการปล่อย CO2 ได้มากถึง 31 ตันต่อ 8,000 ชั่วโมง และยังช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษไปพร้อมกัน

คุณคริสเตียน วิดมานน์ รองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการฝ่ายยานยนต์ ของ บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด (RMA GROUP) กล่าวในหัวข้อ “The Future of Mobility” โดยกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัท RMA ที่ได้นำเสนอวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเน้นแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยเฉพาะการที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับ “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ซึ่งคาดว่ารถ EV จะมีจำนวนแซงรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในภายในปี 2573 และตลาดยานยนต์ไทยเองจำนวนรุ่นรถ BEV ในไทยเพิ่มขึ้นจาก 20 รุ่นในปี 2564 เป็น 91 รุ่นในปี 2568 นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของ EV ว่าคือ โอกาสในระบบพลังงาน บริการหลังการขาย และโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่รถยนต์ไร้คนขับและ การแชร์รถ จะทำให้เกิดความต้องการเช่ารถแบบกลุ่ม และบริการการเดินทางแบบดิจิทัล

ส่วนหัวข้อ “The Importance of Global Partnerships” ที่นำเสนอถึงบทบาทของความร่วมมือระดับโลกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมพร้อมรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรม อ้างอิงกรณีศึกษาความร่วมมือระดับโลกระหว่าง DMG MORI และ FUCHS LUBRICANTS โดย คุณจุน อาริอิ ประธานบริษัท ดีเอ็มจี มอริ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้กล่าวถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของพันธมิตรระดับโลกที่ยึดมั่นในนวัตกรรม ความยั่งยืน และวิสัยทัศน์ร่วมกัน โดยเน้นถึงการเลือกใช้ความแข็งแกร่งของแต่ละฝ่าย

ในการพัฒนาโซลูชันด้านการผลิตร่วมกัน ซึ่งความร่วมมือนั้นเสมือนการเดินทางที่ช่วยขับเคลื่อนผู้คน สังคม และอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า และมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของการผลิตในระดับโลก รวมถึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงสำหรับคนรุ่นถัดไป ทั้งนี้ได้ย้ำถึงคุณภาพ การบริการ และความเชื่อมั่นในฐานะเสาหลักของความร่วมมือ

นายมานูเอล เซเกอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมค่อนข้างมีความมั่นใจมากกับตลาดในประเทศไทย เพราะด้วยเงื่อนไขและปัจจัยต่างๆ ของประเทศไทย พิสูจน์ได้จากห้วงเวลาที่ผ่านมาพบว่า แม้ในขณะที่เผชิญกับวิกฤติต่างๆ บริษัทและทีมงานสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ และด้วยการวางตำแหน่งและกลยุทธ์ของบริษัท ที่มองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญมาก ทำให้เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตในภาคการผลิตอีกมาก และ ฟุคส์ ลูบริแคนท์ส (ประเทศไทย) จะยังคงเป็นโซลูชันพาร์ทเนอร์ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน ด้วยแนวทางการพัฒนานวัตกรรม ความยั่งยืน และความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีสารหล่อลื่น โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในประเทศไทยโดยคาดการณ์ที่ตัวเลข 3 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า โดยฟุคส์ จะยังคงนำองค์กรด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางด้านโซลูชันสารหล่อลื่นที่เราเชี่ยวชาญที่สุด ขยายตลาดให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น พัฒนาบุคลากรและกระบวนการต่างๆ ให้เป็นเลิศมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือการเติบโตที่ควบคู่ไปกับความยั่งยืนในทุกมิติ กับทุกภาคส่วนให้ได้มากที่สุดและไกลที่สุด”