Monday, August 11, 2025
Latest:
ประชาสัมพันธ์

จุฬาฯ จัดงานเสวนาเปิดนิทรรศการ AI เฉลิมพระเกียรติฯ“แสงสว่างกลางใจ สานสายใยไทยมุสลิม”ถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสะท้อนสายใยไทย–มุสลิม

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม สถาบันเอเชียศึกษา และคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ จัดงานเสวนาเปิดนิทรรศการปัญญาประดิษฐ์ (AI) “แสงสว่างกลางใจ สานสายใยไทยมุสลิม” ภายใต้โครงการวิจัยเฉลิมพระเกียรติเพื่อจัดทำ     องค์ความรู้เรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์กับมุสลิมในแผ่นดินไทย” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2567 โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงานเสวนา เมื่อวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568  ณ ห้องการแสดงและกิจกรรม อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์กล่าวต้อนรับโดย นายปัทมนิธิ เสนาณรงค์ หัวหน้าฝ่ายบริหารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ สำนักงานพระคลังข้างที่ และกล่าวถึงความสำคัญของโครงการโดย ศ.ภญ.ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ รองอธิการบดีจุฬาฯ จากนั้น ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1

ในโอกาสนี้ มีการปาฐกถาในหัวข้อ “พหุวัฒนธรรมใต้ร่มพระบารมีแห่งองค์อัครศาสนูปถัมภก : จากใจชาวไทยมุสลิม” การเสวนาในหัวข้อ “มุสลิมไทยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ : การสร้างสรรค์ข้อมูลความรู้ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)” โดย ดร.ดลยา เทียนทอง รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ และรักษาการรองผู้อำนวยการศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม และ ผศ.ดร.จนัธ เที่ยงสุรินทร์ ภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และการเสวนาโดยพยาบาลวิชาชีพและเจ้าพนักงานสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำลอง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ในหัวข้อ “เสียงจากหัวใจไทยมุสลิมภายใต้พระมหากรุณาธิคุณ”

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้นำเรื่องของปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในทุกศาสตร์ นิทรรศการในครั้งนี้เป็นการเชื่อมโยงปัญญาประดิษฐ์กับสังคม โดยที่ผ่านมาเรามักนึกถึงปัญญาประดิษฐ์ในด้านนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ แต่วันนี้เราสามารถทำให้ปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการนำนวัตกรรมมาเชื่อมโยงและถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ในงานทางด้านสังคม นิทรรศการปัญญาประดิษฐ์ (AI) “แสงสว่างกลางใจ สานสายใยไทยมุสลิม” แสดงถึงสัมพันธภาพและการแสดงถึงความจงรักภักดีที่ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่ามีต่อในหลวงของเรา ภายในนิทรรศการนำเสนอเรื่องราวการดูแลช่วยเหลือประชาชนไทยมุสลิม ภายใต้พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาเชื่องโยงบูรณาการข้อมูลให้น่าสนใจ

“ขอเชิญชวนประชาชนแวะเวียนมาเยี่ยมชมนิทรรศการในครั้งนี้ซึ่งมีความตื่นตาตื่นใจ เต็มไปด้วยเรื่องราวและความคิดสร้างสรรค์ ผู้ชมจะได้รับทั้งความรู้และได้เห็นนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมโยงสังคมได้อย่างแท้จริง ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ และช่วยสร้างพลังความสามัคคีของคนไทยทุกคน” ศ.ดร.วิเลิศกล่าว

ศ.ดร.วิเลิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามามีส่วนร่วมกับเกี่ยวข้องกับชีวิตของทุก ๆ คน ไม่ใช่เพียงเรื่องการศึกษา เราต้องตระหนักถึงการสร้าง AI ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยไม่กระทบกับคุณค่าหลักของความเป็นมนุษย์และมิตรภาพ  AI เป็นเครื่องมือ แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณค่าความเป็นมนุษย์ สุนทรียภาพในการรับรู้ความรู้สึก     ล้วนเกิดจากมนุษย์ จุฬาฯ เป็นผู้ประดิษฐ์ปัญญา นวัตกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากนวัตกร ดังนั้น นวัตกรต้องมาก่อนนวัตกรรม สังคมของการเรียนรู้จึงต้องสร้างนวัตกรเพื่อไปสร้างนวัตกรรม สร้างปัญญาประดิษฐ์ที่มีคุณค่าต่อสังคม

ผศ.ดร.อับดุลเลาะ หนุ่มสุข รองประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี และผู้อำนวยการสถาบันวะสะฏียะฮ์เพื่อสันติภาพและการพัฒนา สำนักจุฬาราชมนตรี ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ปาฐกถาในหัวข้อ    “พหุวัฒนธรรมใต้ร่มพระบารมีแห่งองค์อัครศาสนูปถัมภก : จากใจชาวไทยมุสลิม” โดยกล่าวว่า ประชาชนชาวไทยมุสลิมในประเทศไทยมีอยู่โดยประมาณ 5-6 % ของประชากร ประวัติศาสตร์ไทยที่ผ่านมามีเรื่องราวของชาวมุสลิมที่มีส่วนช่วยในการก่อร่างสร้างชาติมาโดยตลอด ความเป็นพหุวัฒนธรรมในสังคมไทย ทำให้เราได้เห็นพุทธศาสนิกชนและมุสลิมอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ถ้อยทีถ้อยอาศัย และเคารพในวิถีซึ่งกันและกัน ถือเป็นความงดงามของการอยู่ร่วมกัน   ในสังคมไทย

“พหุวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดมาโดยบังเอิญ แต่ล้วนมีเหตุและปัจจัย สิ่งที่ทำให้ความงดงามนี้เกิดขึ้นคือบทบาทของพระมหากษัตริย์ที่แสดงบทบาทในฐานะ “องค์อัครศาสนูปถัมภก” โดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์ ค้ำจุน และทะนุบำรุงทุก ๆ ศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ก่อให้เกิดความงดงามเชิงพหุวัฒนธรรม ประชาชนทุกคนจึงมีเสรีภาพ มีอิสรภาพในการนับถือ ปฏิบัติ และเผยแพร่ศาสนาของตนเองได้ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีเสรีภาพด้านศาสนามากกว่าหลาย ๆ ประเทศในโลก” ผศ.ดร.อับดุลเลาะ กล่าว

สำหรับพี่น้องมุสลิมล้วนมีความรู้สึกปลื้มปีติ ภาคภูมิใจต่อบทบาท “องค์อัครศาสนูปถัมภก” ของพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด ชาวมุสลิมมีความเข้มข้นในการรักษาอัตลักษณ์ ทั้งการปฏิบัติตัว การแต่งกาย อาหารฮาลาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะสถาบันพระมหากษัตรย์ให้เกียรติชาวมุสลิม เปิดพื้นที่ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของชาติ สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดความสามัคคีของชาติอย่างยั่งยืน ชาวมุสลิมจึงของแสดงความจงรักภัคดีจากใจ โดยทุกคนพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการร่วมพัฒนาชาติต่อไป

ดร.ดลยา เทียนทอง รองผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ  และรักษาการรองผู้อำนวยการศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม กล่าวเสวนาเรื่อง “มุสลิมไทยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ : การสร้างสรรค์ข้อมูลความรู้ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)” โดยกล่าวว่า โครงการวิจัยเฉลิมพระเกียรติเพื่อจัดทําองค์ความรู้เรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์กับมุสลิมในแผ่นดินไทย” เป็นโครงการที่สถาบันเอเชียศึกษาได้จัดทำมาเป็นเวลานาน โดยมีการจัดทำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ และการจัดนิทรรศการด้วย  ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระธรรมราชา เป็น องค์อัครศาสนูปถัมภก ทรงดูแลประชาชนทุกคนบนแผ่นดินไทยอย่างเท่าเทียม พระราขกรณียกิจที่สำคัญต่อการเป็นองค์องค์อัครศาสนูปถัมภกในศาสนาอิสลาม คือ การส่งเสริมกิจการศาสนา การพัฒนาคุณภาพชีวิต  และการพระราชทานความช่วยเหลือ แก้ปัญหาความเดือดร้อนแก่ประชาชนมุสลิม พระราชกรณียกิจที่สำคัญเหล่านี้ สร้างสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีความเป็นเอกภาพบนความหลากหลาย แต่ทุกคนรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ดร.ดลยา กล่าวต่อไปว่า สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ ได้คัดเลือกเรื่องราวประกอบกับการศึกษาค้นคว้าในรูปแบบต่าง ๆ ร้อยเรียงให้เกิดเป็นงานนิทรรศการ แต่ด้วยเนื้อหาของเรื่องราวเป็นเนื้อหางานวิชาการ มีความลุ่มลึก การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมจึงมีส่วนช่วยให้งานเกิดความน่าสนใจ ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเนื้อหาเรื่องราวได้ง่ายมากขึ้น โดย AI จะมีการปฏิสัมพันธ์แบบ Two-way communication ช่วยให้คนดูมีอารมณ์ร่วมกับงาน เข้าถึง และเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวได้มากขึ้น

ด้าน ผศ.ดร.จนัธ เที่ยงสุรินทร์ ภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า แนวคิดการออกแบบนิทรรศการ เพื่อสร้างผลงานที่น่าติดตาม โดยมีการใช้ AI ออกแบบแอนิเมชั่น สร้างเป็นคาแรคเตอร์น้องซอฟา เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงข้อมูลให้แก่ผู้เข้าชม ช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้เรื่องราวด้วยความสนุกมากยิ่งขึ้น

“นิทรรศการปัญญาประดิษฐ์ (AI) “แสงสว่างกลางใจ สานสายใยไทยมุสลิม” มีการสร้างเรื่องราว โดย AI ทุก ๆ ผลงานจึงทำด้วยความรอบคอบและตั้งใจ มีมนุษย์เป็นผู้ควบคุมและปรับแต่ง เพื่อให้ข้อมูลที่ได้จากการศึกษานั้นสามารถนำมาสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ผ่านเทคโนโลยี AI ให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างถูกต้องมากที่สุด” ผศ.ดร.จนัธ กล่าว

นิทรรศการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายใต้ชื่อ “แสงสว่างกลางใจ สานสายใยไทยมุสลิม” นับเป็นหนึ่งในผลงานสำคัญของโครงการวิจัยเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีเป้าหมายในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ในฐานะองค์อัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรงอุปถัมภ์ศาสนาและคติความเชื่อต่าง ๆ อย่างเสมอภาคและเหมาะสม ภายใต้หลักทศพิธราชธรรม ซึ่งนำมาซึ่งความร่มเย็นและสันติสุขแก่ประชาชนไทยทุกเชื้อชาติศาสนาที่อยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความหลากหลายทางวัฒนธรรมภายใต้ร่มพระบารมี การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษากรณีของชาวไทยมุสลิมที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในด้านต่าง ๆ อาทิ การส่งเสริมกิจการศาสนาอิสลาม การยกย่องเชิดชูเกียรติ ตลอดจนการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้เจ็บป่วยหรือประสบภัยพิบัติ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการศึกษานั้น ได้นำมาสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ผ่านเทคโนโลยี AI เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง และสอดคล้องกับพันธกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมสู่อนาคตภายใต้แนวคิด “AI for Good” หรือ “AI ที่ดีและถูกต้อง เพื่อประโยชน์แท้จริงของสังคมไทย”

นิทรรศการ “ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แสงสว่างกลางใจ สานสายใยไทยมุสลิม”  เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568 ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคารนิทรรศรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน  สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามผลงานของศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

– Facebook :  ศูนย์พหุวัฒนธรรมศึกษาและนวัตกรรมทางสังคม – สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ  https://www.facebook.com/MSSICChula/

– Youtube : @mssicchula3764  https://www.youtube.com/@mssicchula3764

– E-mail : mssic.chula@gmail.com

– โทรศัพท์  0-2218-7435